หลายคน โดยเฉพาะสาวๆ คงจะรู้สึกลำบากใจไม่น้อย เวลาที่ซื้อเสื้อผ้ามาสะสมเป็นกระตั้ก เจอลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ไหนก็กวาดมาเรียบ ตอนซื้อน่ะแสนชิล สบายๆ แต่ตอนเก็บนี่สิแทบบ้า ห้องก็ไม่ได้กว้างอะไร ตู้เสื้อผ้าก็เล็กกระจิ๋วหลิว ไม่รู้จะจัดเก็บยังไง จะโละให้คนอื่นก็เสียดาย อุตส่าห์ใช้เงินตัวเองซื้อมา แต่ครั้นจะคาไว้อย่างนี้บ้านก็เละเทะไม่เป็นระเบียบ
หยุด! ทั้งหมดนี้จะไม่ใช่ปัญหาโลกแตกอีกต่อไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ 11 ข้อมาให้คุณ แนะนำการจัดเก็บเสื้อผ้าแบบเก๋ๆ ประหยัดเนื้อที่ในบ้าน ไม่ทำให้บ้านรก แถมยังได้ดีไซน์การตกแต่งบ้านสวยๆไปในตัวด้วย เรียกว่ายิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียวจริงๆ
เอาล่ะ ลองไปดูกันเลย
ถ้าบ้านคุณมีเตียงซึ่งใต้เตียงค่อนข้างสูง แบบในรูปนี้ ถึงกับต้องใช้บันไดปีนขึ้นเตียง คุณจะปล่อยให้ใต้เตียงว่างเฉยๆอย่างนั้นน่ะหรือ? ทำไมไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์ล่ะ? ถ้าคุณมีเสื้อผ้าส่วนเกินที่เก็บในตู้ปรกติไม่พอละก็ เอามาเก็บไว้ใต้เตียงก็ได้ และก็ไม่ต้องกลัวว่าฝุ่นจะมาเกาะเสื้อผ้าของคุณจนเขรอะ เพราะคุณก็แค่หาลิ้นชักหรือกล่องพลาสติกมาสอดไว้ใต้เตียงก่อน แล้วค่อยใส่เสื้อผ้าลงไป จบ… ง่ายๆ
เก๋ไก๋สไลเดอร์กันไปอีกระดับ กับผลงานของนักออกแบบอย่าง Living Cube Furniture ที่สร้างสรรค์การประหยัดเนื้อที่ออกมาได้แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร รวมทั้งเตียง ตู้เสื้อผ้า และช่องเก็บของไว้ในที่เดียวกัน คือทำเป็นกล่องสี่เหลี่ยมตามรูป อเนกประสงค์มากๆ เวลาจะนอนก็แค่ไต่บันไดขึ้นไปข้างบน หรือจะใช้เป็นที่นั่งเล่นก็ได้ เสื้อผ้าก็แขวนไว้ในช่องตรงกลาง หรือจะพับเก็บตามช่องก็ได้ หรือถ้าจะเอาทีวีมาตั้งก็ไม่ใช่ปัญหา
อันนี้เหมาะสำหรับคนงบน้อย คนขี้เหนียว หรือคนที่ขี้เกียจต่อเติมอะไรให้ยุ่งยาก ก็ทำเป็นแบบ D.I.Y. ละกัน ไม่ต้องตามช่าง แต่คุณก็ต้องมีความสามารถอยู่ในตัวบาง ในการเอาแผ่นไม้ที่แข็งแรงพอสมควรมาต่อเข้ากับผนังปูนหลายๆชั้น เพื่อใช้ทำเป็นที่วางเสื้อผ้า ซึ่งถ้าตอกตะปูไม่แข็งแรงละก็ได้ร่วงกราวลงมายกแผงแน่นอน หรือจะซื้อตู้เตี้ยๆเล็กๆมาวางประกอบกันด้วยก็ได้
อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ประหยัดงบในกระเป๋าได้เหมือนกัน คือคุณอาจจะเอาเชือกหรือลวดที่แข็งแรงก็ได้ มาขึงไว้ในห้อง จากผนังด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แล้วคุณก็จะใช้แขวนเสื้อ กางเกง กระดปรง เสื้อโค้ต ฯลฯ ได้อีกหลายอย่าง แต่วิธีนี้มีข้อควรระวังคือ 1. ต้องขึงให้แน่นๆ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะหลุด 2. อย่าแขวนเยอะเกินไปเพราะห้องจะรกรุงรัง 3. หมั่นทำความสะอาดห้องบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นฝุ่นจะเกาะเต็มเสื้อผ้า
วิธีนี้อาจจะใช้เก็บเสื้อผ้าได้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้เลย โดยให้คุณไปหาขาตั้งไม้มาตามรูป ลักษณะมันจะคล้ายๆกับขาตั้งที่พวกจิตรกรจะใช้เวลาวาดรูป คุณอาจจะทำเองหรืออาจจะไปซื้อเอาก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ซื้อดีกว่าเพื่อประหยัดเรี่ยวแรง พอได้มาแล้วก็เอามาตั้งในห้อง ใช้แขวนเสื้อแจ็คเก็ต สูท หรือเน็คไทก็ยังดี
ถ้าเข้าไปซื้อเสื้อผ้าในร้านพวกแบรนด์ดังๆ หรือร้านใหญ่ๆบ่อยๆ จะเห็นได้ว่าลักษณะการจัดเก็บเสื้อผ้าของเขาคือสร้างช่องแขวนไว้ติดกับผนัง มีแผงกั้น มีชั้นวาง แยกเป็นล็อคๆอย่างดี นั่นแหละคือสิ่งที่คุณควรนำมาประยุคใช้ ทำแบบนั้นในบ้านของคุณ เพราะนอกจากจะทำให้เสื้อผ้าได้รับการเก็บรักษาอย่างดีแล้ว ยังทำให้การจัดเก็บมีความเป็นระเบียบ จะค้นหามาใส่ก็ง่ายตามไปด้วย
นี่เป็นวิธีลัดแบบสุดๆ สำหรับคนที่จนปัญหาคิดไม่ออกจริงๆ ก็ไปหาตะปูมาตอกกับผนังซะ หรือจะใช้สว่านเจาะเอา แขวนตะขอเข้าไปก็ได้ จากนั้นก็จะสามารถเอาเสื้อ กางเกง ผ้าพันคอ ฯลฯ มาแขวนได้
ห้องใต้บันใดไม่จำเป็นว่าต้องใช้เก็บของสับปะรังเค ของเก่าๆ ของผุพังที่รอวันเผาเท่านั้น แต่ถ้าทำความสะอาดมันดีๆ ปรับปรุงซักหน่อย คุณก็จะได้ห้องแต่งตัวขนาดเล็ก เป็นคลังเก็บเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าของคุณ มุมส่วนตัวสำหรับคุณคนเดียวเท่านั้น หมดปัญหาเสื้อผ้าล้นตู้ เพราะคุณสามาระเจียดมาเก็บไว้ในห้องแบบนี้ได้
อีกหนึ่งวิธีที่ทำได้เองไม่ยาก แต่ต้องมีอุปกรณ์ให้ครบ และที่สำคัญคือต้องมีความใจเย็น มือไม้ห้ามหนัก เริ่มแรกเลย หาเชือกที่แข็งแรงมาสักม้วน จากนั้นก็ราวพลาสติกหรือแท่งลวด… ซึ่งคุณอาจจะใช้ไม้แขวนเสื้อก็ได้ หรือจะไปหาซื้อใหม่จากร้านอุปกรณ์ก่อสร้างก็ได้ นำมาดัดและประกอบให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมมนๆแบบในรูป จากนั้นก็ผูกเชือกไว้ที่ปลาย หาทางแขวนไว้บนเพดานเหมือนกับโมบายล์ แล้วพอทำได้ก็เอาเสื้อเอากางเกงมาแขวนข้างล่างตามใจชอบ
วิธีนี้เหมาะสำหรับการเก็บหมวก ถุงเท้า หรือผ้าพันคอ โดยคุณอาจจะเคยเห็นแผงตะขอสำหรับแขวนของขายอยู่ทั่วไปตามร้าน นั่นแหละไปซื้อมาซักอันเลย ตอกมันเข้าไปกับผนังบ้านซะ คราวนี้จะแขวนหมวกหรือเครื่องแต่งกายชิ้นเล็กๆอย่างอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
วิธีสุดท้าย ไม่ง่ายและไม่ยากจนเกินไป แต่งานนี้คุณไม่ควรทำคนเดียว หาลูกทีมมาช่วยจะดีกว่า เพื่อที่ทำออกมาแล้วมันจะได้มีความแข็งแรงทนทานเต็มที่ ลักษณะก็ตามรูปคือเอาแท่งเหล็ก หรือโลหะมาก่อกันเป็นโครงแบบนี้ ลักษณะจะคล้ายกับข้อ 5. คือทำเป็นขาตั้ง แต่ต่างกันตรงนี้ว่าข้อ 11. นี้วัสดุจะแข็งแรงมากกว่า เนื่องจากจะใช้เก็บของหลายชิ้นกว่าโดยเมื่อทำเสร็จแล้ว ข้างล่างคุณสามารถใช้วางรองเท้าได้ ส่วนราวข้างบนก็แขวนเสื้อผ้าได้